Page 15 - แม่ดีเด่นราชภัฏ ประจำปี ๒๕๖๗ : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 15
พุทธศักราช ๒๔๘๙ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูต
ประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ ทรงพาโอรสธิดาทุกคนไปด้วย ขณะนั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์
กิติยากร อายุ ๑๓ ปี ศึกษาจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ระหว่างพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษ หม่อมราชวงศ์
สิริกิติ์ กิติยากร ได้ศึกษาภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ควบคู่ไปกับการเรียนเปียโนกับครูพิเศษ
อยู่ที่ประเทศอังกฤษไม่นาน หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ทรงต้องย้ายไปเป็นทูตที่ประเทศเดนมาร์ก
และประเทศฝรั่งเศส ตามลำดับ ณ ประเทศฝรั่งเศสนั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ยังคงเรียน
เปียโนและฝึกซ้อมอย่างขะมักเขม้นด้วยประสงค์จะเข้าศึกษาในวิทยาลัยดนตรีอันมีชื่อเสียงของกรุงปารีส
คือ คองแซวาตัวร์ นาซิยองนาล เดอ มิวสิก (Conservatoire National de Musique) พุทธศักราช
๒๔๙๑ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร และครอบครัวได้รับเสด็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
(พระอิสริยยศในขณะนั้น) ซึ่งโปรดเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
มากรุงปารีสเพื่อทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์เสมอ เป็นเหตุให้ทรงคุ้นเคยและต้องพระราชอัธยาศัย
กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในเวลาต่อมา ครั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้น จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมหลวงบัว กิติยากร พาธิดาทั้ง ๒ คือ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร
และหม่อมราชวงศ์บุษบา กิติยากร เข้าเยี่ยมพระอาการเป็นประจำ เมื่อทรงทุเลาลง สมเด็จพระราชชนนี
ศรีสังวาล (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ได้ทรงขอให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร พำนัก ณ ประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์ต่อ ทรงเป็นพระธุระดูแลที่พักและจัดการศึกษาให้ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร
ได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนปองสิยองนา รีนาเต รีฟเว (Pensionnat Rinate Rive) เป็นโรงเรียนประจำที่มี
ชื่อเสียงในการสอนวิชาชีพพิเศษของกุลสตรีแห่งเมืองโลซาน และอีก ๑ ปีต่อมา สมเด็จพระชนนี
ศรีสังวาลย์ ได้ทรงสู่ขอหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ต่อหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร และโปรดให้มีพิธีหมั้น
ระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เป็นการส่วนพระองค์
เมื่อวันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ณ โรงแรมวินเซอร์ เมืองโลซาน โดยทรงใช้
พระธำมรงค์ที่สมเด็จพระราชบิดาทรงหมั้นสมเด็จพระราชชนนีเป็นพระธำมรงค์หมั้น แล้วคงให้
หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร พระคู่หมั้น ยังคงศึกษาต่อไป ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงกำหนด
เสด็จนิวัตพระนคร จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ตามเสด็จกลับมา
ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลในเดือนมีนาคม พุทธศักราช
๒๔๙๓
ต่อมาในวันศุกร์ที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นประธานพระราชทานน้ำ
พระพุทธมนต์และเทพมนตร์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ทรงจด
และจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย และในวันนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์
เป็น “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์”
๑๓