Page 19 - วัฒนศิลปสาร ปีที่ ๑๗ (มิถุนายน ๒๕๖๔ - พฤษภาคม ๒๕๖๕) สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 19
หน้า | 15
ย่านชุมชนเก่าอำเภอวารินชำราบ
ี
่
่
ุ
�
ุ
ิ
ำ
ั
ในัหวัข้อุนัจัะข้อุกล�วัถุงย�นัชมชนัเก�อุ�เภัอุวั�รนัช�ร�บและเหติก�รณิสำ�คญทเกยวัข้อุง โด้ยเฉพ�ะ
่
ำ
ี
์
้
�
ในหัวข้อนี้จะขอกล่าวถึงย่านชุมชนเก่าอำเภอวารินชำราบและเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ
ี
ั
้
�
ำ
่
เมื่อมีการสร้างทางรถไฟจากเชื่อมต่อจากสถานีกรุงเทพฯ มาถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานี ที่อำเภอวารินชำราบ
�
ุ
้
�
้
้
่
่
�
ี
ี
ำ
ิ
เมอุมีก�รสำร�งท�งรถุไฟเชอุมติอุจั�กสำถุ�นัีกรุงเทพฯ ม�ถุงสำถุ�นัีรถุไฟอุบลร�ชธ�นั ทอุำ�เภัอุวั�รนัช�ร�บ
ี
�
ั
ิ
ั
้
ั
�
้
่
�
ั
ั
ั
ำ
เมื่อ พ.ศ. 2473 (รัชกาลที่ 7) ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในหลายมิติ ทงทางเศรษฐกิจ สังคม
เมอุ พ.ศิ. 2473 (รชก�ลท 7) สำงผลใหเกด้ก�รเปลยนัแปลงครงสำ�คญในัหล�ยมติ ทงท�งเศิรษฐกิจั สำงคม
้
ี
�
ิ
ิ
�
และวัฒนธรรม มีความหลากหลายของสินค้า และผู้คนที่อพยพเข้ามาภายในย่านชุมชนเก่าอำเภอวารินชำราบ
และวัฒนัธรรม มีควั�มหล�กหล�ยข้อุงสำนัค� และผคนัทอุพยพเข้�ม�ภั�ยในัย�นัชมชนัเก่�อุำ�เภัอุวั�รินัชำ�ร�บ
ิ
ี
ู้
ั
�
่
้
ุ
้
้
�
่
ี
่
�
้
ิ
์
่
�
่
้
่
�
์ ที�ได้้รับอุิทธิพลทั�งแบบ
ิ
ำ
ี
โด้ยเฉพ�ะคนัจันัทมเข้�ม�ท�ก�รค�เพมข้นั ซึ่งสำงผลติอุก�รกอุสำร�งอุ�ค�รพ�ณิชย
โดยเฉพาะคนจีนที่มีเข้ามาทำการค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการก่อสร้างอาคารพาณิชย ที่ได้รับอิทธิพลทั้งแบบ
ี
ตะวันตกและแบบจีนผสมตะวันตก ซึ่งจะเห็นได้โดยทวไปทั้งบริเวณถนนสถิตนิมานการและถนนทหาร
่
่
�
ติะวันัติกและแบบจัีนัผสำมติะวันัติก ซึ่งจัะเหนัได้โด้ยท
ั
�
ััวัไปทังบริเวัณิถุนันัสำถุตินัิม�นัก�รและถุนันัทห�ร
�
ั
ิ
็
้
ี
�
�
ุ
รวมทั้งโรงแรมที่พักที่สำคัญในย่านชุมชนเก่าฯ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเมื่อรถไฟมาถึงอุบลราชธาน
รวัมทงโรงแรมทพกทสำ�คญในัย�นัชมชนัเก�ฯ ก�รเปลยนัแปลงท�งเศิรษฐกจัเมอุรถุไฟม�ถุงอุบลร�ชธ�นั
ี
ั
�
�
ิ
่
ีี
ั
้
ั
ุ
ี
ำ
่
�
่
้
ุ
่
�
็
้
และในตอนท้ายจะเป็นข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการย่านชุมชนเก่าอำเภอวารินชำราบ ซึ่งจะได้กล่าว
ั
ำ
่
ำ
และในัติอุนัท้�ยจัะเปนัข้อุเสำนัอุแนัะในัก�รบริห�รจัด้ก�รย่�นัชมชนัเก�อุ�เภัอุวั�รินัช�ร�บ ซึ่งจัะได้กล่�วั
่
โด้ยสำงเข้ปติอุไป
โดยสังเขปต่อไป
ั
1. ประวัติการสร้างเส้นทางรถไฟจากสถานีนครราชสีมาถึงสถานีอุบลราชธานี
ก�รเด้ินัท�งจั�กกรุงเทพมห�นัครม�ยังจัังหวััด้อุุบลร�ชธ�นัีในัอุด้ีตินัั�นั ถุ้อุได้้วั่�เป็นัเร้�อุงย�กม�ก
การเดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังจังหวัดอุบลราชธานีในอดีตนั้น ถือได้ว่าเป็นเรื่องยากมาก
�
้
เนื่องจากทางรถไฟจะมมาถึงเพียงแค่จังหวัดนครราชสีมาเท่านั้น (ทางรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมา แล้วเสร็จ
เนัอุงจั�กท�งรถุไฟจัะม ีีม�ถุ่งเพียงแค่จัังหวััด้นัครร�ชสำีม�เท่�นัั�นั (ท�งรถุไฟสำ�ยกรุงเทพ-นัครร�ชสำีม� แล้วัเสำร็จั
ำ
ั
�
ั
้
และเปิดการเดินรถ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2443) หลังจากนั้น พ.ศ. 2460 จึงได้เริ่มทำการก่อสร้าง ทางรถไฟต่อไปยง
่
ิ
ั
และเปด้ก�รเด้นัรถุ 21 ธนัวั�คม พ.ศิ. 2443) หลงจั�กนัันั พ.ศิ. 2460 จั่งได้้เริมท�ก�รกอุสำร�ง ท�งรถุไฟติอุไปยง
�
่
ั
ิ
ั
้
้
สถานีอุบลราชธานี โดยเป็นทางกว้าง 1.00 เมตร เพื่อให้สอดคล้องกับ ขนาดทางรถไฟจากกรุงเทพ-นครราชสีมา
สำถุ�นัอุบลร�ชธ�นั โด้ยเปนัท�งกวั�ง 1.00 เมติร เพอุใหสำอุด้คลอุงกบข้นั�ด้ท�งรถุไฟจั�กกรงเทพ-นัครร�ชสำม�
ุ
็
้
ุ
ี
้
�
ี
ี
่
ซึ่งเด้มได้วั�งเอุ�ไวัข้นั�ด้กวั�ง 1.435 เมติร และอุยในัระหวั�งก�รปรบเปลยนั ใหมควั�มกวั�ง 1.00 เมติร
้
้
ี
ั
�
ี
�
่
ู
่
้
ิ
้
้
ซึ่งเดิมได้วางเอาไว้ขนาดกว้าง 1.435 เมตร และอยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยน ให้มีความกว้าง 1.00 เมตร
่
ั
้
�
็
เท่ากับเส้นทางสายใต้ เส้นทางสายนี้ นับว่าเป็นการก่อสร้าง ที่คอนข้างราบรื่น เพราะเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ใช้เจ้าหน้าที่
เท�กบเสำนัท�งสำ�ยใติ เสำนัท�งสำ�ยนัี นัับวั�เปนัก�รกอุสำร�งทีคอุนัข้้�งร�บร้นั เพร�ะเปนัพนัทีร�บลุม ใชเจั�หนั�ที
็
่
่
�
�
้
้
่
้
้
่
่
�
�
้
้
้
�
่
ั
้
�
็
ี
้
่
่
่
และคนัง�นัทงหมด้เปนัคนัไทย ไมมช�วัติ�งด้�วั กรมรถุไฟหลวัง ยงคงได้รบควั�มรวัมมอุจั�กกอุงทห�รช�ง
ั
ั
้
และคนงานทั้งหมดเป็นคนไทย ไม่มีชาวต่างด้าว กรมรถไฟหลวง ยังคงได้รับความร่วมมือ จากกองทหารช่าง
ใหม�ชวัยท�ก�รวั�งร�ง จั�กสำถุ�นันัครร�ชสำม� ผ�นัสำถุ�นัชมท�งถุนันัจัระ ถุงสำถุ�นัท�ช�ง รวัมระยะท�ง
้
ี
่
่
ี
ี
ิ
ให้มาช่วยทำการวางราง จากสถานีนครราชสีมา ผ่านสถานีชุมทางถนนจิระ ถึงสถานีท่าช้าง รวมระยะทาง
่
้
ุ
ำ
่
ี
็
้
้
้
้
21 กิโลเมติร เปด้ก�รเด้นัรถุได้้เมอุวันัท 1 พฤศิจัิก�ยนั พ.ศิ. 2465 เปนัตินัม� ก�รกอุสำร�งได้ด้�เนันัติอุไป
�
ี
ิ
�
ิ
่
21 กิโลเมตร เปิดการเดินรถได้เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465 เป็นต้นมา การก่อสร้างได้ดำเนินต่อไป
่
ำ
ั
ิ
็
่
ิ
ั
ิ
ำ
ั
และสำ�ม�รถุเปด้ก�รเด้นัรถุได้้ เปนัชวัง ๆ ติ�มล�ด้บ ด้งติอุไปนัี �
่
และสามารถเปิดการเดินรถได้ เป็นช่วง ๆ ตามลำดับ ดังต่อไปนี้
1 เมษายน พ.ศ. 2468 เปิดเดินรถจาก สถานีท่าช้าง ถึง สถานีบุรีรัมย์ ระยะทาง 91 กิโลเมตร
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 เปิดเดินรถจาก สถานีบุรีรัมย์ ถึง สถานีสุรินทร์ ระยะทาง 44 กิโลเมตร
1 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 เปิดเดินรถจาก สถานีสุรินทร์ ถึง สถานีห้วยทับทัน ระยะทาง 61 กิโลเมตร
1 สิงหาคม พ.ศ. 2471 เปิดเดินรถจาก สถานีห้วยทับทัน ถึง สถานีศรีสะเกษ ระยะทาง 34 กิโลเมตร
1 เมษายน พ.ศ. 2473 เปิดเดินรถจาก สถานีศรีสะเกษ ถึง สถานีอุบลราชธานี ระยะทาง 61 กิโลเมตร
รวมระยะทางจากนครราชสีมา-อุบลราชธานี ทั้งสิ้น 312 กิโลเมตร และในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2473
ได้มีพิธีเปิดใช้เส้นทางการเดินรถไฟอย่างเป็นทางการ (การรถไฟแห่งประเทศไทย. 2513)
เมื่อทางรถไฟได้เข้ามาสู่พื้นที่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้ใช้ชื่อสถานีรถไฟ
ว่า “สถานีวารินทร์ (ชื่อเดิม)” ส่งผลให้ชาวบ้านชุมชนลับแลเริ่มกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนในจังหวัดอุบลราชธาน ี
ั
เนื่องจากเป็นกลุ่มแรงงานผู้สร้างทางรถไฟ จากคำบอกเล่าของ พ่อขาน อุทาจนทร์ ชาวบ้านชุมชนบ้านลับแล
ได้เล่าให้ฟังว่า (ปัญญา แพงเหล่า, 2554)
วารสารวัฒนศิิลปสาร ปีที่่� 17
่
ย่านชุุมชุนเก่่า...อำำาเภอำวาริินชุาริาบ 17
ำ