Page 120 - วัฒนศิลปสาร ปีที่ ๑๕ (ตุลาคม ๒๕๖๒ - พฤษภาคม ๒๕๖๓) สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 120

112 วัดในเขตอ�ำเภอเมืองอุบลรำชธำนี จังหวัดอุบลรำชธำนี


                     - พระบางนากส�าริด และพระบางทองส�าริด ปางห้ามสมุทร

          ขุดพบที่ใต้ฐานธาตุเจดีย์เก่าของวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นหนึ่งในของดี
          เมืองอุบลตามค�ากล่าวมาแต่โบราณว่า “พระบทม์วัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตร
          วัดทุ่ง”

                     - เม็งหรือธรรมาสน์ปาฏิโมกข์
               ๒.๒ พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ

                     พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อเป็นพระประธานในอุโบสถวัดใต้พระเจ้าใหญ่
          องค์ตื้อ เนื้อทองเก้าส�าริด ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๕๑ นิ้ว สูงรวมฐาน
          ๘๕ นิ้ว ฐานสูง ๒๖.๕ นิ้ว เมื่ออุโบสถเก่าทรุดโทรม องค์พระตั้งอยู่กลางแจ้ง

          เป็นเวลานานจนองค์พระแตกสะเก็ด เล่ากันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ถูกพอกไว้
          ด้วยเปลือกไม้บดละเอียด ผสมผงอิทธิเจ ยางบง ทองค�า เงิน นาก ส�าริด เงินราง

          กาชาดชะพอกด้วยน�้าเกลี้ยงน�้าชาดแล้วลงรักปิดทอง (พระราชธรรมโกศล
          ๒๕๖๐: ๑๓-๑๔) ในจารึกวัดใต้เทิง ๑ กล่าวว่าอัครวรราชครูปุตสีตธรรมวงศา
          และพระพรหมราชวงศาภูมินทร์เป็นประธานสร้างองค์พระ ดังความตอนหนึ่งว่า

                     “...สมเด็จอัครวรราชครูปุสสีตธรรมวงศาเจ้าจึงมาใส่ตกแต่ง
          จึงอยู่โสดสุขแห่งด้วยเดชประจงไว้ จึงขวนขวายหาก็สมยอได้ยนทองมี

          ประมาณ ๙ แสนบาทบน จึงพร้อมกันหล่อพุทธรูปสร้อยสัพพัญญูยอดแก้วก็ดี...
          ในกาลนั้นจึงชมพระนามวิลาศ พุทธรูปเจ้าชื่อว่า เมตตรัย สัทโธด้วยมหันต
          ศรัทธาโสภาพ มีใจอันสลาดด้วยกุศลปรารถนา ขอให้ได้ยังอรหันตผลญาณ

          ในอนาคตกาลเบื้องหน้าในส�านักพระพุทธเจ้าอริยเมตตรัยโยเจ้าฟ้าอันอยู่
          ห้องดุสิตา ขอให้ได้ดังค�ามักค�าปรารถนา อย่าคลาดแคล้วก็ข้าเทอญ...”

          (ธวัช ปุณโณทก ๒๕๓๐: ๔๐๒-๔๐๓)
                     พระพุทธรูปองค์นี้จึงมีนามตามจารึกว่า พระเมตตรัยสัทโธ
          ส่วนค�าว่าตื้อเป็นจ�านวนนับของชาวล้านช้างเปรียบว่าองค์พระมีน�้าหนักมาก

          ผู้คนน�าเงินทองจ�านวนมากมาสร้างพระหนักถึงเก้าแสนบาท (พระราชธรรมโกศล
   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125