Page 11 - วัฒนศิลปสาร ปีที่ ๑๗ (มิถุนายน ๒๕๖๔ - พฤษภาคม ๒๕๖๕) สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 11

หน้า | 7
                                                                     ิ
                               ี
                                            ั
                                              ้
                                                    ิ
                                                                            ู
                   อุ�ค�รหม�ยเลข้ 2 มข้นั�ด้ 4.5x10 เมติร หนัหนั�ไปท�งทศิติะวัันัอุอุก กอุด้้วัยศิิล�แลง ผวันัอุกฉ�บปนั
                                                            ่
                                ี
                    อาคารหมายเลข 2 มขนาด 4.5x10 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก่อด้วยศิลาแลง ผิวนอกฉาบ
                                   ่
              ุ
                                  ่
             ี
                            ั
                                  �
                                        ้
               �
                                              ้
            มมข้ยนัอุอุกไปท�งทิศิติะวันัอุอุก ซึ่งนั�จัะใชเปนัท�งเข้�-อุอุก ภั�ยในัปร�กฏแท่นัฐ�นัชุกช (ประด้ิษฐ�นั
               ้
                                                                    ี
                                         ็
            ปูน มีมุขยื่นออกไปทางทิศตะวันออก ซึ่งน่าจะใช้เป็นทางเข้า-ออก ภายในปรากฏแท่นฐานชุกชี (ประดิษฐานพระ
                           ่
                       ิ
                     ั
                                                        ั
                                               ิ
                                            ้
                                                             ้
                                                          ่
                                                         �
                                    �
                                 ็
                              ั
                                            �
                                        ุ
                                       ้
            พระประธ�นั) สำนันัษฐ�นัวั�หลงค�เปนัเคร้อุงไมมงกระเบอุงด้นัเผ� อุ�ค�รหลงนัีกอุสำร�งด้้วัยศิิล�แลงแบบหย�บ ๆ
            ประธาน) สันนิษฐานว่าหลังคาเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้องดินเผา อาคารหลังนี้ก่อสร้างด้วยศิลาแลงแบบหยาบ ๆ
                                            ่
                ็
                                          ้
                                                                      ่
                                                                        ้
                                            �
                                       ่
            อุ�จัเปนัก�รรอุโบร�ณิสำถุ�นัหลังเด้มแลวันั�ม�กอุสำร�งข้นัใหมเปนัอุ�ค�รหลงนั เทคนัคก�รกอุสำร�งไมได้เปนัแบบ
                                                                    ้
                                ิ
                                                         ี
                                    ำ
                                                         �
                                   ้
                                                 ็
                                                        ั
                    ้
                    �
                                                             ิ
                                                                         ็
                                                                 ่
                                                ่
            อาจเป็นการรือโบราณสถานหลังเดิมแล้วนำมาก่อสร้างขึ้นใหม่เป็นอาคารหลังนี้ เทคนิคการก่อสร้างไม่ได้เป็นแบบ
                    ้
                                                        ่
            วััฒนัธรรมเข้มร มรอุงรอุยก�รประกอุบศิิล�แลงหล�ยกอุนัทีไมอุยในัติ�แหนังเด้ม สำนันัษฐ�นัวั�อุ�ค�รหลงนัีอุ�จั
                                                          ิ
                                            ้
                                                ่
                                               �
                                                  ู
                                                    ำ
                                                  ่
                                                                  ่
                                                            ั
                                                                           �
                       ่
                      ี
                                                                         ั
                                                              ิ
            วัฒนธรรมเขมร มีร่องรอยการประกอบศิลาแลงหลายก้อนที่ไม่อยู่ในตำแหน่งเดิม สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้อาจ
                                                     ่
                    �
                                                    ู
                                                                          ้
                    ่
            เปนัสำมทบ ซึ่งหม�ยถุงสำมทท�ผนังปด้ทง 4 ด้�นั ยกเวันัชอุงประติ ชอุระบ�ยอุ�ก�ศิหรอุช่อุงแสำง พบได้ม�ก
                                             ้
                                              ่
                         ่
                                                                ้
                                    �
                                ั
                            ี
                             ำ
                            �
                                  ิ
                          ิ
                 ่
                                       ้
               ิ
                                    ั
             ็
                                                   ู
            เป็นสิมทึบ ซึ่งหมายถึงสิมที่ทำผนังปิดทั้ง 4 ด้าน ยกเว้นช่องประต ช่อระบายอากาศหรือช่องแสง พบได้มากใน
                 ี
            ในัแถุบอุสำ�นัใติ ้
            แถบอีสานใต้
                    อาคารหมายเลข 3 มขนาด 6x9.8 เมตร หันหน้าไปทางทิศตะวันตก เข้าหาด้านหน้าอาคารหมายเลข
                                ี
            2 ก่อสร้างด้วยศิลาแลงฉาบปูนเช่นเดียวกับอาคารหมายเลข 2 ด้านหน้าหรือด้านทิศตะวันตกทำเป็นมุขสำหรบ
                                                                            ั
            ทางเดินเข้าออก มีร่องรอยของหลุมเสารองรับโครงสร้างหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องดินเผา สันนิษฐานว่าน่าจะ
            เป็นอุโบสถ (สิม) เช่นเดียวกับอาคารหมายเลข 2 รอบอาคารหมายเลข 2 และ 3 มีเสมาหินทรายปักเป็นคู่ล้อมรอบ
            อยู่ 7 คู่ (ไม่พบในตำแหน่งตรงกลางของด้านทิศตะวันออก)
                    อาคารหมายเลข 4 เป็นซากโบราณสถานที่พังทลายลงหมดแล้ว ไม่สามารถศึกษารูปแบบอาคารได  ้
            แต่น่าจะร่วมสมัยกับอาคารหมายเลข 1 เนื่องจากอยู่ในระดับชั้นดินเดียวกัน
                   จากรูปแบบสถาปัตยกรรม หลักฐานใบเสมาหินที่พบ 7 คู่ ลักษณะการวางตำแหน่งเสมาที่หันเข้าหา
                                                                            ้
            อาคารหมายเลข 2 และ 3 และเสมา 1 คู่ ที่วางตำแหน่งซ้อนอยู่บนแนวอาคารหมายเลข 1 ทำให้สันนิษฐานไดว่า
            ในสมัยที่มีการใช้ประโยชน์จากอาคารหมายเลข 2 และ 3 นั้น น่าจะเลิกใช้ประโยชน์จากอาคารหมายเลข 1 แล้ว
            โดยอาคารหมายเลข 2 และ 3 ก็คือโบสถ์หรือสิมนั่นเอง
                 5)  อายุสมัย
                    จากการศึกษา พบว่าโบราณสถานโนนแกมีการก่อสร้างซ้อนทับกัน 2 สมัย ได้แก่ สมัยที่ 1 ก่อสร้าง
            อาคารหมายเลข 1 และ 4 เนื่องในวัฒนธรรมเขมรโบราณ เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ได้แก่ อาคารหลังทศ
                                                                            ิ
            เหนือและหลังทางทิศใต้ มีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 17-18 สมัยที่ 2 ได้ก่อสร้างอาคารทับบนซากอาคารหลง ั
               ้
            ทิศใต จำนวน 2 หลัง คืออาคารหมายเลข 2 และ 3 โดยมีใบเสมาหินทรายปักล้อมรอบ ใช้งานเป็นอุโบสถ (สิม)
            ในศาสนาพุทธ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 24-25
                 6)  การประกาศขึ้นทะเบียน
                       ิ
                                 ึ้
                    กรมศลปากรประกาศขนทะเบียนโบราณสถานและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา
                      ิ
                                      ิ
            เล่มที่ 122 ตอนพเศษ 126 ง เมื่อวันที่ 7 พฤศจกายน 2548 มพื้นที่โบราณสถานประมาณ 3 ไร่ 1 ตารางวา
                                               ี
                 7)  เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
                    องค์การบริหารส่วนตำบลคูเมือง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี และสำนักศิลปากรที่ 9
            อุบลราชธานี กรมศิลปากร ร่วมกันดูแลรักษาโบราณสถานแห่งนี้
                 8)  ลักษณะการใช้ประโยชน์
                    โบราณสถานโนนแก ใช้ประโยชน์เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของท้องถน
                                                                            ่
                                                                            ิ
            รวมทั้งเป็นปูชนียสถานที่ผู้ศรัทธาให้ความเคารพบูชาอยู่ในปัจจุบัน



                                                          วารสารวัฒนศิิลปสาร ปีที่่� 17
                                                             ่
                                                            ย่านชุุมชุนเก่่า...อำำาเภอำวาริินชุาริาบ  9
                                                                           ำ
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16