Page 34 - วัฒนศิลปสาร ปีที่ ๑๕ (ตุลาคม ๒๕๖๒ - พฤษภาคม ๒๕๖๓) สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 34
26 วัดในเขตอ�ำเภอเมืองอุบลรำชธำนี จังหวัดอุบลรำชธำนี
หอแจกนี้นอกจากจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติ
ธรรมของพุทธศาสนิกชน ถวายสังฆทาน ท�าวัตรเช้า-เย็น ฟังพระธรรมเทศนาใน
วันอุโบสถ และใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมส�าคัญทางพระพุทธศาสนา
ส่วนชั้นล่างเป็นสถานที่จัดภัตตาหารและฉันภัตตาหารของพระภิกษุสามเณร
(คณะกรรมการด�าเนินการจัดท�าหนังสือที่ระลึก ๑๕๐ ปี ๒๕๔๙: ๑๙๔)
๒.๓ หอระฆังหลังเก่า
หอระฆังหลังเก่าสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐ มีขนาด ๓ x ๓ เมตร
สูงสองชั้นหลังคามุงสังกะสีมีคันทวยรองรับทั้ง ๔ ด้าน มีเชิงชายคา เสากลม
๔ เสา ประดับลูกกรงแกะสลักลวดลายทั้งสองชั้น ชั้นบนเป็นที่แขวนระฆัง
มีบันไดอยู่ภายใน ฐานล่างเป็นพื้นปูน ผู้สร้างคือพระยาราชเสนา (ทัด ไกรฤกษ์)
ข้าหลวงก�ากับราชการเมืองอุบลราชธานีพร้อมบุตรชายคือ หลวงภักดีณรงค์
(สิน ไกรฤกษ์) ขุนพรพิทักษ์ (เคลือบ ไกรฤกษ์) และมหาดเล็ก (รอด ไกรฤกษ์)
ต่อมาได้ย้ายจากที่เดิมไปปลูกไว้ด้านหลังหอแจกโดยรักษารูปทรงเดิมไว้
๒.๔ พระแก้วบุษราคัม
พระแก้วบุษราคัมเป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากแก้วบุษราคัม
(แก้วมณีสีเหลือง) ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๓ นิ้ว สูง ๕ นิ้ว หุ้มเม็ด
พระศกด้วยทองค�า ประดับสังวาล ฐานหุ้มด้วยทองค�า เป็นสมบัติของ
เจ้าปางค�าตกทอดมายังพระวอพระตาและเจ้าค�าผงผู้สร้างเมืองอุบลราชธานี
เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดหลวง ต่อมาอัญเชิญมารักษาไว้ที่วัดศรีทองเพื่อป้องกัน
ข้าหลวงจากกรุงเทพฯ ที่อาจจะขอไปทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง พระแก้วบุษราคัม
ประดิษฐานอยู่ในหอค�าหรือหอแก้ว (บุษบก) ฝีมือของพระครูสีทา ชยเสโน
อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๒
พระแก้วบุษราคัมเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
อุบลราชธานี ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เคยใช้เป็นพระพุทธรูปในพิธี
ถือน�้าพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ ปัจจุบันมีการอัญเชิญแห่รอบเมือง