Page 23 - พ่อดีเด่นราชภัฏ ประจำปี ๒๕๖๗ : สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 23
พระราชสมัญญา “พระบิดาแห่งฝนหลวง”
พระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร ที่มีต่อประชาชนและประเทศชาติ ในโครงการพระราชดำริฝนหลวงมีมากมายนานัปการ
พระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำเนิด “ฝนหลวง” จากพระราชดำริเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘
เนื่องจากพระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงพบเห็น
ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนในถิ่นทุรกันดารอันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลง
และความไม่แน่นอนของฝนตามธรรมชาติ ดังข้อความในพระราชบันทึกพระราชทานว่า
“... เมื่อมีฝนก็มีมากเกินพอ จนเกิดปัญหาน้ำท่วม
เมื่อหมดฝนก็เกิดปัญหาภัยแล้งตามมา
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของความยากจนของประชาชน
เมื่อแหงนมองท้องฟ้ามีเมฆมาก แต่ลมพัดพาผ่านไปไม่ตกเป็นฝน
น่าจะมีวิธีบังคับให้ฝนตกสู่พื้นที่แห้งแล้งได้ ...”
พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรงทุ่มเทและ
ทรงเสียสละเวลา และพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีฝนเทียม
ด้วยพระวิริยอุตสาหะและพระเมตตาที่มีต่อประชาชนที่ได้รับความทุกข์ยากจากภัยแล้ง
พระองค์ทรงศึกษาทบทวนและวิเคราะห์วิจัยจนทรงสามารถค้นพบวิธีการและทรงสรุปเป็นข้อสมมติฐาน
ทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้าได้เป็นครั้งแรก เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๒ พระองค์ทรงวิจัย
และทรงพัฒนากรรมวิธีควบคู่กับการพระราชทานข้อแนะนำทางเทคนิคต่าง ๆ ในการทำฝนเทียม
กู้ภัยแล้ง พระองค์สนพระราชหฤทัยและทรงติดตามผลการปฏิบัติการฝนเทียมอย่างต่อเนื่อง
หากเกิดวิกฤตการณ์ภัยแล้งอย่างกว้างขวางและรุนแรงของประเทศขึ้นเมื่อใด พระองค์จะพระราชทาน
ข้อแนะนำทางเทคนิคในการวางแผน และปรับแผนการทำฝนเทียมให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
บางครั้งได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เข้าช่วยเหลืออีกด้วย โครงการฝนหลวงจึงสามารถแก้ไข
วิกฤตภัยแล้งได้สำเร็จเป็นอย่างดี
ปัจจุบันโครงการฝนหลวงมีภารกิจทำฝนเทียมเพื่อแก้ไขภัยแล้ง ป้องกันฝนทิ้งช่วง
และเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่เขื่อนต่าง ๆ และทำฝนเทียมเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่เกษตรกรรม
และป่าไม้ในช่วงฤดูแล้ง ตามแนวนโยบายพระราชทานเพื่อลดการใช้น้ำจากเขื่อน ลดโอกาสเกิดไฟป่า
และทำฝนดับไฟป่า เพื่อช่วยลดความเสียหายจากไฟป่าได้อย่างมาก โครงการฝนหลวงได้ปฏิบัติงาน
ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติมาโดยตลอด ดังนั้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑