Page 28 - วัฒนศิลปสาร ปีที่ ๑๓ (ตุลาคม ๒๕๖๐ - พฤษภาคม ๒๕๖๑) สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 28

กลองทัด (ลูกเดียว) และฉิ่ง ส่วนมโหรีก็เครื่องหก ได้แก่ ซอสามสาย กระจับปี่ โทน

       ร�ามะนา ขลุ่ย และฉิ่ง เป็นสิ่งที่รับมาจากปลายสมัยอยุธยา ส่วนเครื่องสายนั้น
       ถึงอย่างไรก็มีเต็มวง จ�านวนจะมากน้อยเพียงใดไม่ทราบเพราะว่าเครื่องสายนั้น
       แม้แต่ในสมัยอยุธยาก็มีสมบูรณ์อยู่แล้ว” (มนตรี ตราโมท ๒๕๓๘ : ๑๗)

            แสดงให้เห็นว่าวงดนตรีในสมัยกรุงธนบุรีจึงน่าจะมีครบทั้ง ๓ ประเภท คือ
       ปี่พาทย์ เครื่องสาย และมโหรี ที่มีมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะวงปี่พาทย์

       ได้ปรากฏบทบาทหน้าที่นอกจากใช้เป็นเครื่องประโคมและประกอบการแสดง
       แล้ว ยังใช้ในการศึกสงคราม ซึ่งปรากฏจากหนังสือไทยรบพม่าของสมเด็จฯ
       กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ ความว่า

            “ ถึงวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๑ ค�่า เจ้าพระยาทั้งสองได้ทราบความว่า กองทัพ
       หลวงล่าถอยไปแต่วันก่อนแล้ว จึงให้เจ้าหน้าที่ระดมยิงปืนใหญ่น้อยหนายิ่งกว่า

       ทุกวันตั้งแต่เวลาเช้าจนค�่า และในวันนั้นให้เอาปี่พาทย์ขึ้นไปตีตามป้อมให้ข้าศึก
       ได้ยินเสียงประโคมลวงให้พม่าเข้าใจว่า ตระเตรียมจะตั้งต่อสู้อยู่ในเมืองให้นานวัน
       พระราชทานเบี้ยเลี้ยงผู้ที่มาเล่นนั้น...พระยารามัญวงมโหรีมอญ คนเพลง ชาย ๒

       หญิง ๒ พิณพาทย์ฯ...หมื่นเสนาะภูบาล...พิณพาทย์ไทย ๕ รามัญ ๕ ลาว ๑๕”
       (สมเด็จฯ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ ๒๕๕๕ : ๔๙๙)

            กล่าวคือ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ยังด�ารงพระยศ
       เป็นเจ้าพระยาจักรี และกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ยังเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์
       ทรงรักษาเมืองพิษณุโลกและก�าลังต่อสู้กับกองทัพของอะแซหวุ่นกี้ ช่วงที่ทัพพม่า

       ล้อมเมืองจนหมดเสบียงอาหาร กองทัพจากธนบุรีของพระเจ้าตากได้ยกออกไปช่วย
       ตีข้าศึก ออกจากที่ล้อมไม่ได้ จึงทรงมีพระราชด�าริเป็นกลอุบายใช้วงปี่พาทย์ประโคม

       บนหอรบให้ครึกครื้นอย่างสนุกสนานเพื่อลวงให้ข้าศึกส�าคัญว่าจะรักษาเมืองต่อไป
       ถือเป็นพระปรีชาสามารถของทั้ง ๒ พระองค์ที่ติดอยู่ในวงล้อมของพม่า ยังมีความ
       คิดในการใช้ดนตรีเป็นกลศึกส่วนหนึ่งในการท�าสงครามจนได้รับชัยชนะและ

       เรื่องราวทางดนตรีในจดหมายเหตุความทรงจ�าของกรมหลวงนรินทรเทวีและ
       พระราชวิจารณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากข้อความ

       ในหมายรับส่งในการเสด็จขึ้นไปรับพระแก้วมรกต ว่า


     26 วัฒนศิลปสาร
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33