Page 31 - วัฒนศิลปสาร ปีที่ ๑๓ (ตุลาคม ๒๕๖๐ - พฤษภาคม ๒๕๖๑) สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 31
กราบทูลพระกรุณาจะให้มีเครื่องเล่นแต่โขนโรงใหญ่ ๒ โรงๆละ ๗ ต�าลึง วันละ
๑๔ ต�าลึง หว่าระทาโขน ๑ โรง ร�าหญิง ๑ โรง หุ่นมอญ ๑ โรง หนังกลางวัน ๑ โรง
งิ้ว ๑ โรง หุ่นลาว ๒ โรง (รวม) ๗ โรง ๆ ละ ๒ บาท วันละ ๓ ต�าลึง ๒ บาท จึงทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯสั่งว่า โขนโรงใหญ่เดิมวันละ ๗ ต�าลึง ขึ้นวันละ ๓ ต�าลึงเป็น
วันละ ๑๐ ต�าลึง ตามอย่างฉลองพระแก้ว โขน หนัง หว่างระทานั้นโรงหนึ่งเดิม
วันละ ๒ บาท ขึ้นอีกวันละ ๒ บาทเป็นวันละ หนึ่งต�าลึง หนังโรงใหญ่โรงหนึ่ง
เดิมคืนละ ๑ ต�าลึง ๒ บาท ขึ้นอีกคืนละ ๓ ต�าลึง ๒ บาท เป็นคืนละ ๕ ต�าลึง
แลรามัญเก่าร�าเดิมวันละ ๒ ต�าลึง ๒ บาทให้ลดลงเสียคงให้แต่วันละ ๒ ต�าลึง รามัญ
ใหม่ร�าเดิมวันละ ๑ ต�าลึง ๒ บาท ให้ลดลงเสีย ๒ บาท คงให้วันละ ๑ ต�าลึงละคร
โรงใหญ่โรง ๑ คงวันละ ๑๐ ต�าลึง หุ่นลาวโรงใหญ่โรง ๑ คงวันละ ๖ ต�าลึง งิ้วญวน
โรงหนึ่งคงวันละ ๒ ต�าลึง ๒ บาท แต่ญวนหกคนต่อเท้านั้นชอบเป็นการสมโภช”
(สุเนตร ชุตินธรานนท์ อ้างถึง ประชุมหมายรับสั่งภาคที่ ๑ สมัยธนบุรี ๒๕๕๕ : ๑๔๒)
หลักฐานส�าคัญของวงดนตรีชาวต่างชาติในสมัยธนบุรีที่ส�าคัญ คือวงดนตรี
ของชาวมอญที่ปรากฏในงานสมโภชพระแก้วมรกต และได้มีพัฒนาการของการน�า
มาใช้ในสมัยต่อมา ซึ่งได้มีข้อสันนิษฐานซึ่งน่าจะเกิดจากการน�าวงดนตรีต่างชาติ
เริ่มเข้ามาประกอบกับงานต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยธนบุรี คือ
“คนไทยในสมัยปัจจุบันยึดถือกันว่า ปี่พาทย์มอญใช้บรรเลงแต่งานศพเท่านั้น
ที่เป็นดังนี้คงเป็นด้วยในสมัยก่อนได้เห็นปี่พาทย์มอญที่มาบรรเลงในงานของไทยก็
แต่ในงานพระบรมศพ เมื่อออกพระเมรุปี่พาทย์ประโคมอยู่ตลอดเวลา เพราะปี่พาทย์
ไทยซึ่งเป็นของหลวงนั้นบรรเลงเฉพาะเวลาทรงธรรมเท่านั้น เมื่อเห็นแบบดังนี้
จึงค่อย ๆ เอาอย่างกันต่อ ๆ มา เมื่อมีงานศพท่านผู้ใหญ่ อันเป็นที่เคารพนับถือหรือ
บุคคลชั้นสูง ก็จะหาปี่พาทย์มอญมาประโคมเป็นเกียรติและยึดถือแบบอย่างสืบมา”
และข้อสันนิษฐานนี้ได้เริ่มยอมรับจากการพิสูจน์หลักฐานเชิงประวัติศาสตร์
ต่อมาว่า
“ เมื่อคราที่สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอด
ฟ้าจุฬาโลกถึงแก่สวรรคตนั้นโดยที่พระองค์ท่านเป็นกุลสตรีในตระกูลเชื้อสายมอญ
ย่านบางช้างอัมพวา (พระนามเดิม “ท่านนาค”) ดังนั้นในงานพระราชพิธีถวาย
วัฒนศิลปสาร 29