Page 27 - วัฒนศิลปสาร ปีที่ ๑๓ (ตุลาคม ๒๕๖๐ - พฤษภาคม ๒๕๖๑) สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 27

ที่ดอนก็หนีร้อนมาพึ่งเย็น เช่น ลาว มอญ เขมร เข้ามาเป็นล�าดับ พวกนี้เอาคติ

          ความเชื่อของเขามาด้วย ถ้าวัฒนธรรมอันไหนของเขาแข็ง เขาก็สามารถแสดงออก
          และรักษาของเขาได้เด่นชัด แต่ถ้าวัฒนธรรมใดอ่อนก็จะถูกวัฒนธรรมไทยกลืน เช่น
          วัฒนธรรมมอญ พอเข้ามาแล้วก็กลืนกับวัฒนธรรมไทยได้มาก ...”

               แสดงถึงความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมในสมัยธนบุรีที่ได้รับอิทธิพล
          สืบทอดมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่อพยพย้ายถิ่นเข้ามาอยู่

          ในเมืองไทย เพียงแต่ยังไม่ได้มีการบันทึกถึงเอกลักษณ์ของศิลปะในสมัยนี้ ไว้เป็น
          หลักฐานอาจจะเนื่องด้วยภาวะทางเศรษฐกิจ การสงคราม หรือระยะเวลาในการ
          เป็นราชธานีประมาณ ๑๕ ปี

               ศิลปะแขนงหนึ่ง คือดนตรีไทยในสมัยกรุงธนบุรี ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป
          ตามสภาพสังคม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ จารีตประเพณีและวัฒนธรรม ตลอดจนถึง

          ระบบความเชื่อและค่านิยมของมนุษย์ที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาและสภาพแวดล้อม
          ทางการเมือง แม้จะยังไม่มีเรื่องราวที่ชัดเจนของดนตรีไทยในสมัยนี้ แต่ก็ได้มี
          การกล่าวถึงดนตรีในหลายประเด็น ดังหลักฐานจาก หมายก�าหนดการเรื่องการฉลอง

          พระแก้วมรกต ที่มีข้อความซึ่งมนตรี ตราโมท ได้วิเคราะห์ไว้ คือ
               “ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พิณพาทย์ไทย พิณพาทย์รามัญ และมโหรีไทย

          มโหรีแขก ฝรั่ง ญวณ เขมร ผลัดเปลี่ยนกันสมโภช เป็นเวลา ๒ เดือน กับอีก ๑๒ วัน
          สอดคล้องกับความคิดเห็นเรื่องการเข้ามาของชาวต่างชาติของอาจารย์ศรีศักร
          วัลลิโภดม ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งเรื่องนี้อาจารย์มนตรี ตราโมท ได้วิเคราะห์ถึงดนตรี

          ไทยในสมัยธนบุรี คือ แสดงให้เห็นว่ามีเครื่องดนตรีจากต่างชาติเข้ามาเป็นอันมาก
          แต่แปลกอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า “มโหรี” และ “พิณพาทย์” สมัยนั้นมีการแบ่งแล้วว่า

          พิณพาทย์ คือเครื่องตีเป่าและมโหรี มีเครื่องหนักไปในทางดีดสี แต่ก็ไม่แปลกอะไร
          ในการที่เรียกว่ามโหรี ซึ่งเคยปรากฏมาแล้วในเรื่องเก่า ๆ เช่น นิราศลอนดอน ของ
          หม่อมราโชทัย ก็เคยเรียกออเคสตร้าว่า มโหรีวงใหญ่ ท่านเรียกอย่างนั้นในนิราศ

          ลอนดอน จะเห็นได้ว่า ในสมัยธนบุรีมีมโหรี ส่วนเครื่องสายไม่ได้พูดถึง เข้าใจว่า
          คงจะมี ส่วนวงพิณพาทย์สมัยธนบุรีนั้น มีเครื่องบรรเลงเพียงวงที่เรียกว่า เครื่องห้า

          เท่านั้นเอง ซึ่งเหมือนกับปลายสมัยอยุธยา เครื่องห้ามี ปี่ใน ระนาด ฆ้องวง ตะโพน


                                                                   วัฒนศิลปสาร  25
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32