Page 26 - ซอสองสายไทย : ณณฐ วิโย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 26

๘         ซอสองสายไทย







                      นอกจากพบหลักฐานการปรากฏเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี เครื่องดีด และเครื่องเป่า
                         ั
                                ื้
               ในดินแดนอนเป็นพนที่ประเทศไทยปัจจุบันแล้ว ยังมีการค้นพบหลักฐานการปรากฏเครื่องดนตรี
               ประเภทเครื่องสี ตระกูล “ซอ” ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีต่าง ๆ อยู่หลายประเภท
               เช่น ศิลาจารึก หนังสือ วรรณคดี จดหมายเหตุพงศาวดาร สมุดภาพ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง

               ประติมากรรมปูนปั้น ฯลฯ ซึ่งหลักฐานดังกล่าวนี้พบในดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบัน นับตั้งแต่

               สมัยทวารวดี สมัยสุโขทัย สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
               ปรากฏหลักฐานดังมีรายละเอียดต่อไปนี้


               สมัยประวัติศาสตร์ไทยก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๘



                      หลักฐานทางโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดนตรีไทย ประเภทเครื่องสี ตระกูล “ซอ”

               ซึ่งเก่าแก่เท่าที่สามารถสืบค้นได้นั้น เริ่มปรากฏหลักฐานที่มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจนในวัฒนธรรม

               ทวารวดี ที่มีศูนย์กลางอยู่แถบชายทะเลฟากตะวันตกแพร่กระจายขึ้นไปทางภาคเหนือและ
                                             ุ
               ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อราวพทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๖ ต่อเนื่องมาจนถึงหลักฐานในโบราณสถาน
                                                                  ู
               ที่ได้รับอทธิพลมาจากวัฒนธรรมขอมที่มีศูนย์กลางอยู่ที่กัมพชา ซึ่งได้แพร่กระจายเข้ามาในดินแดน
                      ิ
                                                                           ุ
               ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งภาคกลางของประเทศไทย ในราวพทธศตวรรษที่ ๑๕ ถึงกลาง
               พุทธศตวรรษที่ ๑๘ โดยปรากฏหลักฐานที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาดังกล่าวมาข้างต้น ดังนี้

                      สมัยทวารวดี ถือเป็นอาณาจักรโบราณสมัยแรกก่อนชาวสยามจะเข้ามาปกครองดินแดน
                                            ุ
               ในสุวรรณภูมิ กำหนดอายุราวช่วงพทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๖ ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์ (George
               Coedès) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นกลุ่มบุคคลแรกที่กำหนด
               เรียกชื่อดินแดนที่เมืองโบราณเหล่านี้ตั้งอยู่ว่า “ทวารวดี” โดยใช้เหตุผลของตำแหน่งที่ตั้งอาณาจักร

               โบราณตามบันทึกของภิกษุจีนเฮยนจังหรือพระถังซัมจั๋ง (Hiuan-tsang) ซึ่งเดินทางจากเมืองจีนไป
                                           ี้
                        ิ
                                                                           ี้
               ประเทศอนเดียทางบก เมื่อราวปี พ.ศ. ๑๑๗๒–๑๑๘๘ และภิกษุจีนอจิง (I-Sing) ซึ่งได้เดินทางไป
               อนเดียโดยทางทะเลในช่วงเวลาต่อมา ได้กล่าวถึงดินแดนที่มีชื่อว่า “โต-โล-โป-ตี้” (To-Lo-Po-Ti)
                ิ
               ว่าเป็นดินแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองศรีเกษตร (พม่าโบราณ) ไปทางตะวันออกกับเมืองอสานปุระ
                                                                                           ี
               (ขอมโบราณ) ทั้งนี้ ในพงศาวดารจีนสมัยราชวงศ์ฮน ได้กล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ไว้ว่า “สามารถเดินเรือ
                                                         ั่
               จากเมืองกวางตุ้งถึงอาณาจักรทวารวดีได้ในเวลา ๕ เดือน” (อาทร จันทวิมล. ๒๕๔๘ : ๘๕)

                      แม้ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ศูนย์กลางของนครรัฐทวารวดีนั้นอยู่ในเมืองใด แต่ได้พบ

                                                                                       ื้
               หลักฐานที่เป็นงานศิลปกรรมกระจายอยู่เกือบทั่วทุกภาคของประเทศ นับตั้งแต่พนที่ภาคกลาง
               ของไทยในปัจจุบันครอบคลุมจังหวัดนครปฐม สุพรรณบุรี ราชบุรี ลพบุรี ไปจนถึงภาคเหนือ

               ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน และภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงมีความเป็นไปได้ว่าศูนย์กลาง



                     ณณฐ วิโย
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31