Page 28 - ซอสองสายไทย : ณณฐ วิโย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 28

๑๐        ซอสองสายไทย







                      คำแปล
                                     “...ข้าพเจ้ามอบไว้ในความดูแลของโขลญพล ขอให้ท่านรักษา

                           ไว้ตามกัลปนาของข้าพเจ้าดังนี้ คือ บรรดาเทพเจ้าในเมืองละโว้ ซึ่งมี
                           นางระบำกับนักร้องเพลง ข้าพเจ้ากัลปนา นางระบำ ๑ คน นักร้อง ๑ คน

                           นักดีด ๑ คน นักสี ๑ คน ทำการรับใช้ของพระกัมรเดงอญศรีบรมวาสุเทพ
                                                                          ั
                           ทุกวัน...”

                                                            (กรมศิลปากร. ๒๕๐๔ : ๑๗-๑๙)


                      นอกจากนี้ ยังพบภาพสลักหินเกี่ยวกับเครื่องดนตรีไทยในสมัยลพบุรี ที่สันนิษฐานว่าน่าจะ

               เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสี ตระกูล “ซอ” บนหน้าบันด้านทิศตะวันออกของพระธาตุนารายณ์
                                                                                ิ
               แจงแวง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นโบราณสถานแบบอทธิพลศิลปะขอมหรือ
                                                                                             ิ
                                                                 ุ
               ศิลปะเขมร ที่เรียกกันว่า “ปราสาท” มีอายุอยู่ในราวกลางพทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ อนได้รับอทธิพล
                                                                                      ั
               รูปแบบทางศิลปกรรมจากศิลปกรรมสมัยบาปวนตอนปลายต่อนครวัดตอนต้น สร้างขึ้นตามคติ
               ในการนับถือศาสนาพราหมณ์ ซึ่งผสมผสานกันระหว่างลัทธิไศวนิกายและไวษณพนิกาย ลักษณะของ

                                                   ้
                                                                                    ้
               ภาพที่ปรากฏนั้นสลักเป็นภาพบุคคลยืนฟอนรำอยู่ท่ามกลางบริวาร บุคคลที่ยืนฟอนรำนี้มี ๑๒ กร
               ชูขึ้นในท่าจตุระ (Chatura) หรือจตุรัม (Chaturam) พระบาทขวายึดพนแบะปลายพระบาทออก
                                                                            ื้
               และงอเข่าลง ส่วนพระบาทซ้ายอยู่ในท่ากุฏฏิตะ (Kuttita) คือยกพระบาทซ้ายขึ้น งอเข่าเล็กน้อยและ

               แบะปลายพระบาทออกแตะพน บุคคลนี้สวมกระบังหน้าผสมกับมงกุฎรูปกรวย ทรงเครื่องประดับ
                                         ื้
               ด้วยกรองศอ พาหุรัด กำไล และนุ่งผ้าสมพต (Sampot) หรือนุ่งโจงกระเบนสั้น โดยบุคคลที่ยืนฟ้อนรำ

                                                                 ิ
                                                                         ้
               ดังกล่าวนี้ก็คือ พระศิวะ ที่อยู่ในท่าศิวะนาฏราช หรือพระอศวรทรงฟอนรำ ปรากฏเด่นอยู่ตรงกลาง
               หน้าบัน ท่ามกลางเทพบริวาร ๕ องค์ ซึ่งอยู่ในท่านั่งแบบมหาราชลีลา ประกอบด้วย ทางขวาของ
               พระศิวะเป็นเทพสตรี ๒ องค์ โดยองค์ที่อยู่ใกล้กับพระศิวะสันนิษฐานว่าเป็นพระอมาหรือ
                                                                                            ุ
               พระนางปารพตี มเหสี และเทพสตรีอกองค์คือพระลักษมี ส่วนทางซ้ายเป็นเทพบุรุษ ๓ องค์กำลัง
                                               ี
               เล่นดนตรี โดยองค์แรกที่อยู่ใกล้กำลังดีดพณ มี ๔ กร (เห็นเพยง ๓ กร) ซึ่งสันนิษฐานว่าคงเป็น
                                                                     ี
                                                    ิ
                                                                     ั
               พระนารายณ์ องค์ถัดไปกำลังตีฉิ่ง มี ๔ พกตร์ (เห็นเพยง ๓ พกตร์) คงเป็น พระพรหม และองค์
                                                              ี
                                                   ั
               สุดท้ายมีเศียรเป็นช้าง ซึ่งแสดงให้ทราบได้อย่างแน่ชัดว่าเป็นพระคเณศโอรส ทำท่าคล้ายจะสีซอ
               แต่ภาพชำรุดไป (วัลภา ขวัญยืน, พัชรินทร์ ศุขประมูล และแสงจันทร์ ไตรเกษม. ๒๕๓๕ : ๓๔)










                     ณณฐ วิโย
   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33