Page 32 - ซอสองสายไทย : ณณฐ วิโย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 32
๑๔ ซอสองสายไทย
แต่ในวรรณคดีในยุคสมัยที่ใกล้เคียงกัน คำว่า วีณา จะปรากฏพบในสองลักษณะ คือ ประการที่หนึ่ง
ื่
ในลักษณะที่มีคำอนมาร่วมขยายความ เช่น วิปัญจิวีณา (พิณ ๙ สาย) ศตตันตริวีณา (พิณ ๑๐๐ สาย)
กินรีวีณา ในตระกูลเครื่องสาย มุขะวีณา ในตระกูลเครื่องเป่า หรือหัสตะวีณา สำหรับนิ้วมือมนุษย์
ี่
ื่
เป็นต้น สำหรับกรณีทสองนั้น คำว่า วีณา จะปรากฏเป็นคำโดด ๆ โดยไม่มีคำอนใดมาช่วยขยายความ
ิ่
ึ
เพมเติม ในกรณีนี้ คำว่า วีณา จะหมายความถง เครื่องสายประเภทดีดและสีเท่านั้น ทั้งนี้ ในสมัยหลัง
มีผู้นำคำว่า วีณา มาใช้ในความหมายที่แคบลง กล่าวคือ เฉพาะกับเครื่องสายประเภทเครื่องดีดเท่านั้น
ซึ่งก็คงใช้สืบต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้
ิ
สำหรับคนไทยรู้จักคำว่า วีณา ผ่านคำว่า “พณ” โดยแผลงเสียงจาก “ว” เป็น “พ”
และตัดเสียง “อา” ท้ายคำออก ดังนั้น ความหมายของคำว่า “วีณา” ในภาษาสันสกฤต และ “พณ”
ิ
ั
ิ
ในภาษาไทย ล้วนมีความสอดคล้องสัมพนธ์กันอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ ในอดีตคำว่า พณ ที่ปรากฏ
ออกมาเป็นคำโดด เช่น ในไตรภูมิพระร่วง หรือในจารึกวัดพระยืน ล้วนกินความถึงเครื่องดนตรี
ประเภทเครื่องสายทั่วไปในขอบเขตที่กว้าง ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ปรากฏพบในวรรณคดีของอนเดีย
ิ
ิ
ที่แต่งขึ้นในสมัยเดียวกันกบวรรณกรรมของไทย ในระยะเวลาต่อมาความหมายของคำว่า วีณาและพณ
ั
ได้กินความหมายแคบลงเฉพาะเครื่องสายประเภทดีด ซึ่งก็ปรากฏพบเช่นเดียวกันในสองวัฒนธรรม
ทั้งนี้ การจำแนกประเภทเครื่องดนตรีระบบซาคส์ (Sachs System) โดย เคอร์ต
ซาคส์ (Curt Sachs) นักดนตรีชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นระบบที่ใช้จำแนกประเภทเครื่องดนตรีตาม
แหล่งกำเนิดเสียง ยังได้จำแนกให้ “ซอ” จัดอยู่ในประเภทหนึ่งของเครื่องดนตรีในตระกูลที่เสียงเกิด
จากการสั่นสะเทือนของสาย (Chordophones) โดยเป็นชนิดหนึ่งในสองจำพวกของเครื่องสาย
ิ
ประเภทพณ (Lute) ซึ่งแบ่งออกเป็น ชนิดที่ใช้ดีด (Plucked) ทั้งที่มีกล่องเสียงเป็นรูปกลม อย่างเช่น
แมนโดลินของอิตาลี และรูปเหลี่ยม อย่างเช่น กระจับปี่ ซึงล้านนา และพณอสาน เป็นต้น และชนิดที่
ิ
ี
ใช้สี (Bowed) ได้แก่ ไวโอลิน ซอด้วง ซอสามสาย ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่มีนม และชนิดที่มีนม อย่างสะล้อ
มีนมซึ่งพบที่เมืองน่าน (อาจเรียกว่าพิณสีก็ได้) และซอวิโอลของยุโรป (ปัญญา รุ่งเรือง. ๒๕๔๖ : ๕-๖)
นอกจากนี้ หลักฐานเกี่ยวกับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสีในสมัยสุโขทัยนั้น
ยังปรากฏหลักฐานในไตรภูมิพระร่วงหรือไตรภูมิกถา พระราชนิพนธ์ของพระมหาธรรมราชาที่ ๑
(พระ า ลิไทย) ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๕ แห่งราชวงศ์พระร่วง ครองราชย์ระหว่างปี
ญ
พ.ศ. ๑๘๙๐-๑๙๑๙ ที่มีการกล่าวถึงเครื่องดนตรีอยู่ด้วยกันหลายตอน เช่น
ุ
ในตอนที่ว่าด้วยความสุขของบรรดาเหล่าผู้ชายในแผ่นดินอตรกุรุทวีป ที่แต่งตัว
ทากระแจะจันทน์น้ำมันอย่างดี ทัดทรงดอกไม้หอมต่าง ๆ แล้วพากันไปเที่ยวเล่นตามสบาย บ้างก็
ั
ฟ้อนรำทำเพลงดุริยางคดนตรี บ้างก็ดีดสีตีเป่า ขับร้องกนสนุกสนานเป็นหมู่มากมาย มีเสียงฆ้อง กลอง
แตรสังข์ กังสดาล มโหระทึกดังกึกก้อง ดังความว่า
ณณฐ วิโย

