Page 39 - ซอสองสายไทย : ณณฐ วิโย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 39

บทที่ ๑ ภูมิหลังซอไทย        ๒๑







                                            “ชาวสยามมีมหรสพประเภทเล่นในโรงอยู่ ๓ อย่าง อย่างที่
                                  ชาวสยามเรียกว่าโขน (Cone) นั้น เป็นการร่ายรำเข้า ๆ ออก ๆ หลายคำรบ

                                                                     ื่
                                  ตามจังหวะซอและเครื่องดนตรีอย่างอนอก ผู้แสดงนั้นสวมหน้ากาก
                                                                        ี
                                  (หัวโขน) และถืออาวุธ แสดงบทหนักไปในทางสู้รบกันมากกว่าจะเป็นการ
                                  ร่ายรำ...”


                                     อกทั้งยังได้กล่าวถึง “ซอสามสาย” ไว้อย่างชัดเจน ในบทที่ ๑๒ ว่าด้วยการดนตรี
                                      ี
                       และการกรีฑา ความว่า

                                            “ชาวสยามมีเครื่องดนตรีฝีมือหยาบ ๆ อย่างหนึ่ง จำพวก

                                  rebec หรือไวโอลินสามสาย ซึ่งเขาเรียก ซอ (tro-อ่านออกเสียงว่า โทร) กับ
                                  haut-bois เสียงแหลมซึ่งเขาเรียกว่า ปี่ (Pi) ที่ชาวสเปญเรียกว่า คีรีเมียส

                                  (chirimias) เขาเล่นได้ไม่เลวทีเดียวเล่นควบกันไปกับฆ้องทำด้วยทองแดง
                                  ซึ่งผู้เล่นคนหนึ่งใช้ไม้สั้น ๆ ตีไปตามจังหวะ...”


                                                                 (ลาลูแบร์, ซิมอน เดอ. ๒๕๕๗ : ๒๑๐)


                                     ซึ่งสอดคล้องกับสภาพบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวกรุงศรีอยุธยา ตามบันทึกของ
                       นิโกลาส์ แชรแวส ชาวฝรั่งเศส ที่ได้เข้าไปในกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ โดยได้

                       บรรยายถึงการละเล่นดีดสีตีเป่าและขับลำทำเพลงสนุกสนานของราษฎรโดยทั่วไปในกรุงศรีอยุธยา

                       ไว้ด้วยกันหลายตอน เช่น
                                     ในตอนที่ว่าด้วยการทำงานและการพกผ่อนหย่อนใจในยามปรกติของชาวสยาม
                                                                     ั
                       โดยได้กล่าวถึงการร้องรำและเล่นเครื่องดีดสีตีเป่า ในการแข่งเรือของชาวกรุงศรีอยุธยาไว้ ความว่า

                                            “คนชาวสยามนั้นแม้จะมีจิตใจเศร้าซึมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เว้นที่จะ

                                  รักการเล่นสนุก มีการแข่งเรือกันในแม่น้ำอยู่บ่อย ๆ และทำให้ครึกครื้นด้วย
                                  การร้องรำ เล่นเครื่องดีดสีตีเป่าและปรบมือเป็นจังหวะพร้อม ๆ กัน เครื่อง

                                  ดนตรีที่ให้เสียงไพเราะที่สุดได้แก่เครื่องคล้ายไวโอลินรวมสองชนิด (ซออ ู้

                                  กับซอด้วง) ซึ่งเขาเล่นพร้อม ๆ กัน แต่สิ่งที่แสบหูที่สุดในเครื่องดนตรีชนิดนี้ก็
                                  คือ การใช้เสียงสูงทำนองซอสามสายของอารชาล (Archal) แตรทองเหลือง

                                  นั้นให้เสียงคล้ายหลอดเขาที่ชาวนาของเราเป่าเรียกงัว เสียงขลุ่ยไม่ค่อย
                                  กลมกล่อมเท่าไหร่ เสียงฉิ่งนั้นแจ่มใสดีพอใช้ถ้าไม่ผสมเข้าพร้อม ๆ กันกับ

                                  เสียงฉาบ ทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นหูบังเกิดความรำคาญอย่างยิ่ง มีกลองดินชนิดหนึ่ง





                                                                                      มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44