Page 44 - ซอสองสายไทย : ณณฐ วิโย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 44

๒๖        ซอสองสายไทย







                                                                                            ิ
               “เสมือนปี่ไฉนในบุรี เสมือนเสียงมโหรีเพราะวังเวง” หรือที่กล่าวในพระราชนิพนธ์บทละครอเหนาว่า
               “ไพเราะเพียงดนตรีปี่ไฉน” จึงอาจหมายถึง ขลุ่ย ก็ได้ เพราะเมื่อผสมวงมโหรี ๖ คน ก็ใช้ขลุ่ย

                                                             ั
                              ทั้งนี้ ในบทละครเรื่องนางมโนห์รา อนเป็นบทละครครั้งกรุงเก่า ซึ่งแต่งขึ้นในสมัย
               กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยต้นฉบับเป็นหนังสือสมุดไทย ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่หอพระสมุดวชิรญาณ

               ก็ได้มีการกล่าวถึงวงมโหรี ดังปรากฏข้อความว่า

                                            ได้ยินจักจั่นเรไรร้อง   สนั่นมี่ก้องในพงพ  ี

                                     เสมือนเสียงปี่ไฉนในบุรี      เหมือนเสียงมโหรีเพราะวังเวง

                                     แต่ก่อนเคยฟังแต่เสภา         ฟังเสียงสัตว์ป่าร้องระเบง
                                     เสนาะเพราะพร้องต้องบทเพลง  วังเวงพระทัยนางเทวี


                                                                  (กรมศิลปากร. ๒๕๔๕ : ๔๖๖)


                              ส่วนในหนังสือ “ไทยในจดหมายเหตุของแกมป์เฟอร์” ที่กรมศิลปากรได้มอบหมาย
                       ั
               ให้นายอมพร สายสุวรรณ ข้าราชการกองวรรณคดี แปลจากหนังสือ “The History of Japan
               together with a Description of the Kingdom of Siam 1690-1692” (ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

               พร้อมคำบรรยายว่าด้วยราชอาณาจักรสยาม ค.ศ. ๑๖๙๐-๑๖๙๒) ของนายเอนเยลเบิร์ต แกมป์เฟอร์
                                                                                          ิ
                                                                                      ิ
               (Engelbert Kaempfer) ซึ่งเป็นนายแพทย์ชาวเยอรมัน ประจำคณะทูตของบริษัทอสต์อนเดียของ
               เนเธอร์แลนด์ที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักญี่ปุ่นใน ค.ศ. ๑๖๙๐ (พ.ศ. ๒๒๓๓) และได้

                                        ื่
               แวะเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเพอถวายพระราชสาส์นของราชทูต เมื่อปีพทธศักราช ๒๒๓๓ ซึ่งตรงกับ
                                                                          ุ
               ตอนต้นรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา โดยได้พำนักอยู่ในกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ถึงวันที่
               ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๒๓๓ รวมเป็นเวลา ๒๓ วัน และได้บันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย
               โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับดนตรีนั้น จะปรากฏอยู่ในบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับงานศพแม่นม

                                  ั
               ของพระยาพระคลัง อครมหาเสนาบดีของสยาม ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการต่างประเทศ ว่ามีวงมโหรี
               ปี่พาทย์ประโคมตลอดงาน ดังปรากฏข้อความตอนหนึ่งว่า

                                     “...งานศพนี้เป็นแต่ศพแม่นมพระคลังเท่านั้น ด้วยว่ามารดาของ

                           ท่านได้สิ้นชีวิตและได้ทำศพเสร็จไปเมื่อราว ๑๕ เดือนมานี้ งานศพของ
                                                          ิ
                           ชาวสยามที่เป็นชั้นสูงศักดิ์นั้นหรูหราพสดารเหลือที่จะพรรณนา มีขบวนเรือ
                                                                                  ้
                           แห่ศพ และเรือนั้นลางทีปิดทองทั้งลำ ทั่วทุกลำมีมโหรีปี่พาทย์และฆองกลอง
                           ประโคมไปตลอดทาง...”


                                                        (เอนเยลเบิร์ต แกมป์เฟอร์. ๒๕๔๕ : ๒๙)





                     ณณฐ วิโย
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49