Page 46 - ซอสองสายไทย : ณณฐ วิโย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 46

๒๘        ซอสองสายไทย







                      สมัยธนบุรี (พ.ศ. ๒๓๑๐-๒๓๒๕)


                              ภายหลังจากกรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่าเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ พระเจ้าตากได้กอบกู้

               เอกราชและรวบรวมชนชาวไทยให้เป็นปึกแผ่นได้ดังเดิม ทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ขึ้นนามว่า
                                                ิ
               “กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร” และทรงทำพธีปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๓๑๑
               ทรงเฉลิมพระนามว่า “สมเด็จพระศรีสรรเพชญ์” หรือ “สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔” แต่จะรู้จักกันใน

               พระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” หรือ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โดยตลอดระยะเวลาที่ทรง
               ครองราชย์ ๑๕ ปี (พ.ศ. ๒๓๑๐-๒๓๒๕) ถึงแม้จะมีการทำศึกสงครามแทบจะมิได้ว่างเว้น แต่ก็ได้ทรง

                 ื้
               ฟนฟและบำรุงศิลปกรรมไทยไว้ครบทุกแขนง ทั้งนี้ โปรดให้รวบรวมช่างฝีมือและฝึกช่างสิบหมู่
                    ู
               รวมถึงทรงโปรดให้รวบรวมและจัดทำตำราต่าง ๆ ไว้ เช่น ทำเนียมราชการด้วยกระบวนเสด็จ
               ตำราการทำธงกระบี่ยุทธ ตำราหญ้าให้ช้างรับพระราชทาน ตำราว่าด้วยลักษณะที่เป็นบุญ และ

               ทรงโปรดให้มีหอหลวงในพระบรมหาราชวังไว้รวบรวมหนังสือ เป็นต้น ในด้านการดนตรีสันนิษฐานว่า
               คงมีรูปแบบเฉกเช่นเดียวกันกับสมัยกรุงศรีอยุธยา คือไม่ได้มีการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่แต่ประการใด

               นอกเสียจากการอนุรักษ์และสืบทอดศิลปะการดนตรีของเดิมเท่าที่มีอยู่ ปรากฏข้อความดังที่
               มนตรี ตราโมท (๒๕๓๓ : ๗-๘) ได้อธิบายถึงวิวัฒนาการของดนตรีในสมัยกรุงธนบุรีไว้ว่า


                                     “...ในสมัยธนบุรีนั้นเครื่องดนตรีต่าง ๆ คงจะเหมือนปลายสมัย
                           อยุธยา เพราะสมัยกรุงธนบุรีก็ยังมีศึกสงครามอยู่มาก แต่อย่างไรก็ตาม

                           นับได้ว่าสมัยกรุงธนบุรีนั้นยังมีเครื่องดนตรีอยู่มาก และมีเครื่องดนตรีของ

                           ต่างชาติเข้ามาบรรเลงอยู่บ้างด้วย ดังปรากฏตามหมายกำหนดการเรื่องการ
                           ฉลองพระแก้วมรกตเป็นต้น ในการฉลองพระแก้วมรกตครั้งนั้นได้มี

                                                                              ิ
                           หมายกำหนดการสั้น ๆ ว่า “ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พณพาทย์ไทย
                            ิ
                           พณพาทย์รามัญ และมโหรีไทย มโหรีแขก ฝรั่ง ญวน เขมร ผลัดเปลี่ยนกัน
                                                     ี
                           สมโภชเป็นเวลา ๒ เดือน กับอก ๑๒ วัน” แสดงให้เห็นว่ามีเครื่องดนตรี
                                                              ี
                           จากต่างชาติเข้ามาเป็นอนมาก แต่แปลกอกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า มโหรี และ
                                               ั
                           พิณพาทย์ สมัยนั้นมีการแบ่งแล้วว่า พิณพาทย์คือเครื่องตีเป่า และมโหรีคงม ี
                           เครื่องหนักไปในทางดีดสี แต่ก็ไม่แปลกอะไรในการที่เรียกว่ามโหรี ซึ่งเคย

                           ปรากฏมาแล้วในเรื่องเก่า ๆ เช่น นิราศลอดดอน ของหม่อมราโชทัยก็เคย
                           เรียก ออเคสตร้า ว่ามโหรีวงใหญ่ ท่านเรียกอย่างนั้นในนิราศลอนดอน

                                                                        ู
                           จะเห็นได้ว่าในสมัยธนบุรีมีมโหรี ส่วนเครื่องสายไม่ได้พดถึง เข้าใจว่าคงจะมี
                           ส่วนวงพณพาทย์สมัยธนบุรีนั้นมีเครื่องบรรเลงเพียงวงที่เรียกว่าเครื่องห้าเท่า
                                  ิ
                           นั้นเอง ซึ่งเหมือนกับปลายสมัยอยุธยา เครื่องห้ามีปี่ใน ระนาด ฆ้องวง



                     ณณฐ วิโย
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51