Page 45 - ซอสองสายไทย : ณณฐ วิโย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
P. 45
บทที่ ๑ ภูมิหลังซอไทย ๒๗
ิ
ั
ซึ่งสอดคล้องกบที่ พงษ์ศลป์ อรุณรัตน์ (๒๕๕๐ : ๓๒) ได้กล่าวถึงดนตรีในราชสำนัก
กรุงศรีอยุธยาไว้ว่า เครื่องดนตรีของสุโขทัยได้นำเข้ามาใช้ในราชสำนักอยุธยาแทบทั้งหมด โดยมีการ
ปรับปรุงวิธีการใช้และการจัดแบ่งเครื่องดนตรีใหม่ เนื่องจากการรับระบบสมมุติเทพเข้ามาทำให้
ิ
ขนบธรรมเนียมของราชสำนัก รวมถึงเครื่องดนตรีที่ใช้สำหรับประกอบพระราชพธีต้องมีความพเศษขึ้น
ิ
ื่
ดังนั้น ดนตรีในราชสำนักจึงกลายเป็นของชั้นสูงเช่นเดียวกับศิลปวิทยาการอน ๆ รูปแบบวงดนตรีที่
ได้รับการปรับปรุงเพอใช้บรรเลงในราชสำนักอยุธยา เช่น กำหนดให้วงดนตรีใช้ผู้หญิงบรรเลง เกิดเป็น
ื่
วงมโหรีหลวงขึ้น ประกอบด้วย ซอสามสาย กระจับปี่ ขลุ่ย ทับ และคนร้อง ใช้บรรเลงขับกล่อม
ิ
ิ่
ส่วนสังข์ แตรงอน บัณเฑาะว์ และมโหระทึก นำมาใช้ประกอบในพระราชพธี และมีการเพมเอา
วงปี่พาทย์มาใช้บรรเลงประกอบการประโคมอกด้วย
ี
สำหรับหลักฐานทางโบราณวัตถุในสมัยอยุธยา ที่ปรากฏว่ามีเครื่องดนตรีประเภท
เครื่องสี ตระกูลซอ อยู่นั้น วัลภา ขวัญยืน, พชรินทร์ ศุขประมูล และแสงจันทร์ ไตรเกษม (๒๕๓๕ :
ั
๓๙-๔๐) ได้กล่าวถึงหลักฐานทางโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้อง ไว้ดังนี้
ภาพเขียนสีจากสมุดภาพเรื่องไตรภูมิ ฉบับสมัยกรุงศรีอยุธยา มีอายุอยู่ในราวต้น
์
พทธศตวรรษที่ ๒๒ เป็นภาพเหล่าเทพเทวดามาเล่นในป่าหิมพานต์ ปรากฏว่ามีภาพคนธรรพ ๓ ตน
ุ
นั่งเป่าปี่ ๑ นั่งสีซอ ๑ และยืนร่ายรำ ๑ และมีภาพวิทยาธร ๓ ตน นั่งดีดพณ ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่
ิ
กองหอสมุดแห่งชาติ นอกจากนี้ ยังพบภาพเขียนในสมุดข่อยสมัยอยุธยา ราวพทธศตวรรษที่ ๒๓
ุ
ซึ่งปัจจุบันอยู่ในต่างประเทศ มีภาพการเล่นละครของชาวบ้าน โดยใช้เครื่องดนตรี คือ ระนาด ฆ้องวง
ตะโพน ปี่หรือขลุ่ย กลองทัด และกลองแขก ร่วมบรรเลง ภาพการฟอนรำ มีเครื่องดนตรี คือ
้
ซอสามสาย กระจับปี่ รำมะนา โทน ปี่หรือขลุ่ย และกลอง ประกอบ
ภาพแกะสลักปิดทองล่องชาดบนตู้พระธรรม อายุราวพทธศตวรรษที่ ๒๓-๒๔
ุ
ิ
ิ
ได้จากวัดค้างคาว จังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพพธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
กรุงเทพมหานคร บริเวณด้านข้างขวาของตู้ ตอนล่างตกแต่งภาพเล่าเรื่องวิธุรชาดก ซึ่งปรากฏว่ามี
ภาพวงมโหรีอยู่ด้านล่างของพลับพลาที่ประทับ ประกอบด้วยนักดนตรีซึ่งเป็นสตรีล้วน ๖ คน กำลัง
เป่าขลุ่ย ๒ คน สีซอ ๑ คน ดีดกระจับปี่ ๑ คน ตีโทน (หรือกลอง) ๑ คน และตีฆ้องวง ๑ คน
ิ
ซึ่งหากพจารณาจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นแล้ว จะเห็นว่า
เครื่องดนตรีสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสี ตระกูลซอ ก็คือเครื่องดนตรีที่
เล่นกันมาแต่เมื่อครั้งกรุงสุโขทัยรุ่งเรือง แต่คงจะพัฒนาก้าวหน้าทั้งทางรูปร่าง เทคนิคการบรรเลง และ
การประสมวงที่ประณีตยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพราะดูเหมือนว่าชาวกรุงศรีอยุธยาเกือบทุกระดับชนชั้นใส่ใจ
ในศิลปะการดนตรีมากกว่าแต่เก่าก่อน ดังนั้น การนำเครื่องดนตรีตระกูลซอไปเล่นประสมใน
วงเครื่องสาย และวงมโหรี ก็คงเป็นที่นิยมเล่นกันทั้งในวังหรือราชสำนักและในหมู่ชาวบ้านหรือ
ราษฎรด้วย
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

